อุทาหรณ์ คือ สูกรเปรต

Spread the love

สมัยพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงพระนามว่า “กัสสปะ” มนุษย์เรามีอายุยืนประมาณสองหมื่นปี คราทีนั้นมีภิกษุ ๒ รูปอยู่ด้วยกัน ณ วัดใกล้ป่าแห่งหนึ่ง มีความรักใคร่ดุจพี่น้อง ภิกษุผู้อ่อนกว่ามีสัมมาคารวะ เอาใจใส่ปฏิบัติพระเถระ ประดุจดังตนเป็นสามเณร ฝ่ายพระเถระเจ้าก็มีใจ เฝ้าห่วงใยเอาใจใส่ให้โอวาทอยู่เป็นเนืองนิตย์ เมื่อถึงคราวจะวิปริต บังเอิญให้มีพระธรรมกถึกนัดเทศน์แต่งวาจาให้พระคุณเจ้าทั้งสองแตกกัน ต่างองค์ต่างก็คว้าเอาบาตรจีวรของตนออกไปจากอาวาสนั้นคนละทิศ พระธรรมกถึกก็ยึดอาวาสนั้นอยู่สบายตามลำพังแต่องค์เดียว หาได้เฉลียวใจ ถึงบาปกรรมอันหนักหนาที่ตนกล่าวยุยงส่อเสียดทำลายความรักความสามัคคีให้พระแตกกัน แม้แต่น้อยไม่

ร้อยปีผ่านไป ! พระเถระเจ้าทั้งสองที่ถูกยุยงให้แตกกันมาพบกันเข้าในอาวาสแห่งหนึ่ง ต่างก็ปรับความเข้าใจกันแล้ว จึงทราบว่าการที่ตนหลงขัดใจกันถึงกับต้องออกจากอาวาสด้วยความเสียใจนั้น เป็นแผนการของพระธรรมกถึก ผู้คิดจะยึดเอาอาวาสนั้นเป็นที่อยู่ของตน พอพระธรรมกถึกทราบจึงเกิดความละอายอยู่วัดนั้นไม่ได้ ต้องเข้าป่าไปตั้งหน้าบำเพ็ญสมณธรรม อยู่ในป่าแสนนานนักหนา ! ก็ไม่อาจจะยังคุณวิเศษให้บังเกิดขึ้นได้ เพราะจิตใจไม่สงบ ความชั่วผิดที่กล่าววาจายุยงส่อเสียดให้แตกกันในครั้งนั้นติดอยู่ในห้วงความคิด ออกฤทธิ์เป็นนิวรณ์ คอยกางกั้นไม่ให้คุณธรรมเบื้องสูงบังเกิดขึ้นได้

หมื่นกว่าปีผ่านไป ! ท่านก็แตกกายทำลายขันธ์ถึงแก่มรณภาพ อกุศลกรรมเพียงเป็นสุญญวาท กล่าวส่อเสียดยุยงให้พระโกรธกัน บันดาลให้พระธรรมกถึกรูปนั้นไปบังเกิดในอเวจีมหานรก ดินแดนอันเป็นยอดแห่งหฤโหด ต้องถูกไฟนรกแผดเผาหมกไหม้อยู่สิ้นพุทธันดรหนึ่ง

ถึงบัดนี้เศษบาปยังไม่หมด จึงมาบังเกิดเป็นเปรตมีเพศแปลกประหลาด ! คือ สรีระร่างกายของเขาเหมือนอย่างมนุษย์ธรรมดาๆ แต่ว่าส่วนหน้ากลายเป็นหมูมิหนำซ้ำยังมีหางงอกออกมาจากปาก เป็นการเพิ่มความน่าเกลียดน่าสังเวช ให้เกิดความสลดใจแก่ผู้มาพบเห็นมากยิ่งขึ้น ตลอดเวลามีหมู่หนอนทั้งหลาย ทั้งตัวเล็กตัวใหญ่ไต่เข้าไต่ออกอยู่แถวๆ บริเวณช่องปากนั้น ต้องนั่งทรมานกาย เพราะถูกหนอนจำนวนมากชอนปากอยู่สิ้นกาลนาน
เหตุนำไปสู่อบาย เพราะอกุศลกรรมความชั่วคือ
๑. อกุศลกรรมที่กระทำด้วยโทสะ ย่อมนำไปบังเกิดในแดนของนิรยภูมิ คือ โลกนรกเป็นส่วนมาก
๒. อกุศลกรรมทั้งหลายทั้งปวงที่กระทำด้วยโลภะ ย่อมนำไปบังเกิดในเปรตวิสัยภูมิ ในอสุรกายภูมิ
๓. อกุศลกรรมที่ทำด้วยโมหะ ย่อมนำไปบังเกิดในดิรัจฉานภูมิ คือ ในโลกของเดียรัจฉานเป็นส่วนมาก
เหตุ ๓ ประการ คือ โลภะ โทสะ โมหะ นี้เป็นตันต้นเหตุ นำส่งให้ไปบังเกิดในจตุราบายภูมิทั้ง ๔

ที่มา:หนังสือนรก-สวรรค์ ท่านเลือกได้