กฎแห่งกรรม คือ กฎที่แสดงให้เห็นถึงเหตุและผลของการกระทำใ ดๆของมนุษย์ กล่าวคือ ใครกระทำกรรมอันใดไว้ ดีหรือชั่วก็ตาม บุคคลผู้กระทำนั้นจักต้องเป็นผู้รับผลของก รรมนั้นๆเสมอ
มิได้เกิดจากการดลบันดาลจากอำนาจของพระเจ้ าองค์ใด และไม่มีใครมารับผลของกรรมแทนบุคคลอื่นได้
พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ในพระสูตรหนึ่ง ชื่อว่า “ปุพพังคสูตร”
ปรากฏอยู่ในพระสุตตันตปิฎก อังคุตรนิกาย ทสกนิบาต ว่า
“ดู ก่อน ภิกษุทั้งหลาย ก่อนที่ดวงอาทิตย์จะส่องสว่างเหนือโลกหล้า ย่อมมีแสงเงินแสงทองจับขึ้นที่ขอบฟ้า เป็นนิมิตเบื้องต้นให้เห็นก่อน ฉันใดก่อนที่กุศลธรรมทั้งหลายจะบังเกิดขึ้ น ย่อมมีสัมมาทิฏฐิ เป็นนิมิตเบื้องต้นให้เห็นก่อน ฉันนั้น”
รายละเอียดของมิจฉาทิฐฐิ หรือ ความเห็นผิด ประกอบด้วย
1. เห็นว่า ทานไม่มีผล คือ ทำทานแล้วไม่เกิดผลใดๆ
เห็นว่า สงเคราะห์ไม่มีผล คือ การช่วยเหลือกัน เป็นสิ่งไร้สาระ เพราะรัฐบาลคอยให้สวัสดิการแก่ทุกคนเท่ากั นอยู่แล้ว
2.เชื่อว่า การปฏิสันถารบุคคลที่ควรแก่การต้อนรับเชื้ อเชิญไม่มีผล
3. เห็นว่า การบูชาคนที่ควรบูชาไม่มีผล คือ ไม่ต้องบูชาใคร เราเติบโดมาได้ด้วยตัวเราเอง ไม่มีใครช่วย
4. เห็นว่า โลกนี้ ไม่มี เชื่อว่าตายเกิดชาติเดียว แล้วสูญ
5. เห็นว่า โลกหน้า ไม่มี เชื่อว่าตายเกิดชาติเดียว แล้วสูญ
6. เห็นว่า กฏแห่งกรรมไม่มีจริง ทำดีได้ดีมีที่ไหน ทำชั่วได้ดีมีถมไป
7. เห็นว่า บิดาไม่มีพระคุณ ที่ให้กำเนิดลูกมา เพราะรักสนุก นั่นเอง
8. เห็นว่า มารดาไม่มีพระคุณ เป็นแค่สหายร่วมโลก
9. เห็นว่า เทวดา พรหม เปรต อสุรกาย สัตว์นรก ไม่มี ไม่เชื่อว่า พวกนี้มีจริง
10. เห็นว่า พระอรหันต์ ผู้หมดกิเลส ไม่มีจริงในโลก อิมพอสสิเบิ้ล