ชีวิตหลังความตาย

Spread the love

ความตายและชีวิตหลังความตาย

ความตายไม่ใช่จุดสิ้นสุดของชีวิต ความตายเป็นเพียงการจากไปสู่โลกจิตวิญญาณซึ่งเป็นบ้านที่แท้จริงของเราหลังความตาย ผู้คนทุกวันนี้รู้จักเรื่องทางโลกด้วยรายละเอียดที่มากกว่าในอดีต แต่สำหรับเรื่องสำคัญทางจิตวิญญาณเช่นความตายและโลกหลังความตาย อาจกล่าวได้ว่าผู้คนในอดีตมีความรู้มากกว่าเรามาก ข้อมูลเกี่ยวกับโลกหลังความตายไม่มีสอนในโรงเรียน ผู้คนมากมายเชื่อว่าการพูดถึงโลกหลังความตายเป็นเรื่องล้าสมัยและใช้ชีวิตอย่างเพิกเฉยต่อเรื่องนี้ เป็นผลให้เกิดความสับสนทุกรูปแบบเมื่อคนเหล่านี้ตายลงและกลับสู่โลกจริงแท้

“มนุษย์ทุกคนมีชีวิตนิรันดร์ ไม่ว่าปัญญาชนจะปฏิเสธแนวคิดนี้อย่างรุนแรงแค่ไหน วิญญาณของเราก็เป็นนิรันดร์ เรามีชีวิตอยู่ในสายโซ่แห่งนิรันดร์ที่ประกอบไปด้วยอดีต ปัจจุบัน และอนาคต”

(จากหนังสือ : The Philosophy of Progress หน้า 23)

ห้วงเวลาแห่งความตายที่แท้จริง

ความตายที่แท้จริงไม่ได้เกิดขึ้นเมื่อร่างกายหยุดทำงาน ห้วงเวลาแห่งความตายที่แท้จริงคือเมื่อ “เส้นด้ายสีเงิน” ที่เชื่อมโยงร่างกายและวิญญาณขาดออก ซึ่งตามปกติแล้วจะเกิดขึ้นประมาณหนึ่งวันหลังความตายของร่างกาย และยังมีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับความเร็วในการยอมรับความจริงว่าตนเองนั้นตายแล้ว

วิญญาณไปที่ไหนหลังความตาย?

ระหว่างเจ็ดวันแรกหรือมากกว่านั้น ปกติแล้ววิญญาณของผู้ตายจะยังคงอยู่ใกล้ชิดสถานที่ที่เคยอยู่และพยายามใช้ชีวิตตามแบบที่เคยทำ จุดหมายปลายทางของวิญญาณหลังความตายแตกต่างกันไป และวิญญาณสามารถแบ่งออกได้เป็นสามกลุ่มดังต่อไปนี้

1.วิญญาณที่ไม่สามารถเริ่มการเดินทางไปสู่โลกจิตวิญญาณและกลายเป็น “วิญญาณที่ผูกพันกับโลก” (ผีหรือสัมภเวสี) เพราะการใช้ชีวิตด้วยทัศนคติแบบวัตถุนิยมล้วนๆและการปฏิเสธชีวิตหลังความตายอย่างรุนแรง หรือมีความรู้สึกที่ยึดมั่นกับบางสิ่งในโลกนี้จนกระทั่งไม่อาจปล่อยวางได้

2.วิญญาณที่ตกนรกทันทีเพราะการใช้ชีวิตที่ชั่วร้ายบนโลกและถูกครอบงำด้วยวิญญาณนรกมากกว่าสี่หรือห้าดวงในห้วงเวลาที่ตาย วิญญาณเหล่านี้ไม่สามารถเดินทางไปอีกโลกหนึ่งได้ตามปกติแต่จะตรงไปสู่ส่วนลึกของนรกแทน

3.วิญญาณที่เดินทางไปสู่โลกจิตวิญญาณด้วยความช่วยเหลือของ “ผู้นำทางให้ดวงวิญญาณ” ปกติคนส่วนใหญ่จะวนเวียนอยู่รอบบ้านของตนในช่วงเจ็ดวันแรกหลังความตายของร่างกาย แต่เมื่อจิตสำนึกของพวกเขาชัดเจนเพียงพอ “ผู้นำทางให้ดวงวิญญาณ” จะมาช่วยให้พวกเขาตระหนักว่าตนเองได้ตายแล้ว ผู้นำทางดวงวิญญาณในกรณีปกติอาจจะเป็นเพื่อนสนิท คนรู้จัก พ่อแม่ หรือญาติพี่น้องที่ตายไปก่อนหน้า

การเดินทางสู่โลกจิตวิญญาณ

หลังจากผู้ตายยอมรับความตายของตนเอง “ผู้นำทางให้ดวงวิญญาณผู้เชี่ยวชาญ” จะมาพบคนผู้นั้น จิตวิญญาณผู้เชี่ยวชาญอาจจะปรากฏมาในรูปของพระในศาสนาพุทธ บาทหลวงในศาสนาคริสต์ หรือเทวดาก็ได้ ขึ้นอยู่กับภูมิหลังทางศาสนาหรือความเชื่อของผู้นั้น เพื่อนำทางไปสู่แม่น้ำแห่งความตายที่แยกโลกนี้และโลกหน้าออกจากกัน

สถานที่ที่ถูกลืมของเด็ก

เมื่อมาถึงฝั่งแม่น้ำ แต่ละคนจะเห็นสิ่งที่แตกต่างกันและเกิดความประทับใจต่อแม่น้ำแห่งความตายนี้ต่างกัน หากวิญญาณผู้ตายนั้นเคยสูญเสียเด็กเล็กๆหรือเคยทำแท้ง ก็เป็นไปได้มากที่วิญญาณนั้นจะเห็นวิญญาณของเด็กกำลังเล่นอยู่ที่ฝั่งแม่น้ำนั้น นี่คือสถานที่ที่เรียกว่า “สถานที่ที่ถูกลืมของเด็ก” เด็กๆเหล่านี้ไม่ได้ตระหนักว่าตนเองตายไปแล้วและไม่รู้ว่าจะต้องทำเช่นไรเพราะพวกเขาตายตอนที่อายุยังน้อยมาก โดยธรรมชาติแล้ว พวกเขาไม่สามารถข้ามแม่น้ำไปได้เพราะพวกเขายังรู้สึกผูกพันกับพ่อแม่ในโลก มีเด็กมากมายที่ไม่สามารถกลับสู่สวรรค์หรือกลับมายังโลกนี้ได้ และติดอยู่ในสถานที่นี้โดยที่ไม่สามารถข้ามแม่น้ำไปได้

การข้ามแม่น้ำแห่งความตาย

แม่น้ำแห่งความตายอาจจะดูแตกต่างกันไปสำหรับแต่ละคน แต่โดยเนื้อแท้มันคือตัวแทนของเส้นแบ่งในจิตสำนึกของผู้นั้น และเมื่อข้ามไปแล้วจะไม่สามารถกลับมาสู่โลกทางกายภาพมิติที่สามได้อีก ที่จุดนี้ทุกคนต้องไตร่ตรองว่าจะข้ามไปให้ดีที่สุดอย่างไร และวิธีที่แต่ละคนข้ามไปจะแสดงให้เห็นถึงระดับความบริสุทธิ์ของวิญญาณและระดับความง่ายในการกำจัดความยึดมั่นทางโลกทั้งหมดของตนเอง

จอที่ฉายภาพชีวิตย้อนหลังบนโลกของท่าน

ในที่สุดหลังข้ามแม่น้ำแห่งความตาย บุคคลผู้นั้นก็จะไปถึงสถานที่ชื่อ “กระจกแห่งความจริง” ที่ซึ่งบทบันทึกของชีวิตของผู้นั้นจะถูกฉายขึ้นบนกระจกหรือจอภาพ วิญญาณจำนวนมากที่มีความสนใจในชีวิตของคนผู้นั้นจะพากันลงมาดู “ภาพยนตร์ชีวิต” นี้ ภาพยนตร์จะแสดงให้เห็นว่าจริงๆแล้วผู้ตายเป็นคนเช่นใด เผยให้ผู้ชมเห็นความคิดและการกระทำทั้งหมดของเขา เมื่อภาพยนตร์ฉายจบบุคคลผู้นั้นจะตระหนักไม่มากก็น้อยถึงผลลัพธ์ และถ้ายังมีบทเรียนที่เขาจำเป็นต้องเรียนซ้ำ เขาจะไปยังที่ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการเรียนรู้ในโลกจิตวิญญาณ

โลกจิตวิญญาณ-โลกที่สอดคล้องกับสภาวะจิต

เพราะโลกจิตวิญญาณถูกควบคุมโดยกฎ “สิ่งที่คล้ายกันดึงดูดกัน” และที่นั่นมีเพียงความคิดที่ดำรงอยู่ สภาวะจิตจึงเป็นเกณฑ์หลักที่ใช้ตัดสินว่าผู้ตายจะไปที่ไหน ผู้ตายจะไปสู่โลกของผู้ที่มีจิตใจประเภทเดียวกันไม่ว่าจะเป็นสวรรค์หรือนรก

ด้วยเหตุนี้ผลรวมขององค์ประกอบทั้งหมดในชีวิตบนโลกจึงเป็นตัวกำหนดที่ไปหลังความตาย ปลายทางหลังความตายกำหนดได้ด้วยการปฏิบัติตามกฎของความรับผิดชอบตนเอง ทุกคนมีอิสระที่จะเลือกในชีวิต และสิ่งที่ปรากฏขึ้นหลังความตายก็จะสะท้อนให้เห็นการเลือกของพวกเขา

ทุกคนต้องทบทวนชีวิตของตนเองหลังความตาย แต่การเริ่มต้นกระบวนการทบทวนตนเองล่วงหน้าจะทำให้ได้รับความก้าวหน้าทางจิตวิญญาณรวดเร็วยิ่งขึ้น นี่คือสิ่งที่ศาสนาที่แท้จริงสอนให้รู้

หนังสืออ้างอิง-The Laws of Eternity
หนังสืออ้างอิง-The Philosophy of Progress

ที่มา happyscience-thai.org/basic-teachings/9/…%B8%B2%E0%B8%A2.html